GAC เชิญสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์ขับขี่ AION UT รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด ก่อนเปิดตัวพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ 24 มิถุนายนนี้
GAC เชิญสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์ขับขี่ AION UT รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด ก่อนเปิดตัวพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ 24 มิถุนายนนี้
(กรุงเทพฯ - วันที่ 13 มิถุนายน 2568) - GAC แบรนด์ยานยนต์ชั้นนำจากประเทศจีน เดินหน้าสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการจัดกิจกรรมทดลองขับ AION UT รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2568 ณ Smith Motor Company เกษตร-นวมินทร์ โดยเชิญสื่อมวลชนชั้นนำของประเทศเข้าร่วมสัมผัสนวัตกรรมและสมรรถนะที่ล้ำสมัยของ AION UT ก่อนเปิดตัวพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 มิถุนายน 2568
กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ GAC ในการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคที่เทคโนโลยีและรถยนต์พลังงานสะอาดกลายเป็นหัวใจของการตัดสินใจเลือกยานยนต์ โดย AION UT ได้รับการออกแบบทั้งภายนอกและภายในให้สะท้อนความทันสมัย ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในทุกมิติ พร้อมด้วยนวัตกรรมล่าสุดที่พร้อมจะปฏิวัติประสบการณ์การขับขี่ในประเทศไทย โดยงานกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Let’s Play” ซึ่งสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของคนรุ่นใหม่ ที่มองหาความสนุก ความอิสระ และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกวัน AION UT จึงไม่เพียงเป็นยานยนต์ แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทางที่พร้อมเติมเต็มทุกจังหวะชีวิตด้วยความชาญฉลาด ล้ำสมัย และโดดเด่นไม่เหมือนใคร
สื่อมวลชนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสทดลองขับ AION UT เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ, อัตราเร่ง, ความนิ่งในการขับขี่, การตอบสนองของช่วงล่าง,
รวมถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ระดับ L2 โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก GAC ให้ข้อมูลและตอบคำถามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สื่อมวลชนได้เข้าใจแนวคิดการออกแบบที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง
ภายในงานได้จัดพื้นที่สำหรับถ่ายทำรวมถึงสถานีทดสอบสมรรถนะของรถ เช่น สถานีทดสอบอัตราเร่งและการเบรก, สถานีทดสอบสลาลอม, และสถานีทดสอบระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะและเทคโนโลยีของ AION UT ได้อย่างเต็มที่
AION UT นิยามใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์สะท้อนตัวตนอย่างแท้จริง มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นทันสมัย
ภายใต้แนวคิด "Futuristic Minimalism" ซึ่งผสานระหว่างความล้ำยุคและความเรียบง่ายอย่างลงตัว ไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่คมชัด พร้อมเส้นสายของตัวรถที่เฉียบคม ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยว
เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ภายในห้องโดยสารของ AION UT ได้รับการออกแบบอย่างประณีต เพื่อตอบสนองทั้งด้านความสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่ครบครัน โดยมาพร้อมแผงหน้าปัดแบบ Full Digital ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน เบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมระบบระบายอากาศ พร้อมฟังก์ชันปรับไฟฟ้า และระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (ในรุ่น Premium) เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของผู้ขับและผู้โดยสาร
ระบบความปลอดภัยถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ AION UT โดยมาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L2 ซึ่งครอบคลุมฟังก์ชันสำคัญ อาทิ
-
-
-
-
-
-
-
-
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (ACC-S&G)
- ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICA)
- ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)
- ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW)
- ระบบเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน (ELKA)
-
-
-
-
-
-
-
อีกหนึ่งจุดแข็งของ AION UT คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Magazine Battery 2.0 ที่มอบความปลอดภัยระดับสูง และให้ระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ ด้วยระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Fast Charging สามารถเติมพลังไฟฟ้าจาก 30 – 80 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลาเพียง 24 นาที ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานจริง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไกลหรือใช้งานรถในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง
หลังจากการจัดกิจกรรมทดลองขับสำหรับสื่อมวลชนในครั้งนี้ GAC เตรียมเปิดตัว AION UT พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 มิถุนายน 2568
โดย AION UT ถือเป็นโมเดลสำคัญที่ GAC มุ่งมั่นผลักดันเข้าสู่ตลาดไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยีครบครัน สมรรถนะโดดเด่น และคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้
เกี่ยวกับ GAC Group
GAC Group เป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าให้กับอุตสาหกรรม ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง นวัตกรรมล้ำสมัย และบริการที่ยอดเยี่ยม โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่ระดับแนวหน้าของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกที่น่าเชื่อถือในระดับโลก โดย GAC Group ได้ก้าวสู่ตลาดรถยนต์โลกอย่างเป็นทางการในปี 2013 และเติบโตเข้าสู่ตลาดอย่างมั่นคง ด้วยการยึดมั่นในคุณค่าแห่ง “คุณภาพระดับแนวหน้าและเทคโนโลยีล้ำสมัย” พร้อมหลักการ “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง บริการจากภายใน” เพื่อสร้างแบรนด์ที่เชื่อถือในเวทีสากล และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานทุกมิติ
ปัจจุบัน GAC Group มีสำนักงานใหญ่จำนวน 5 แห่ง ครอบคลุมกว่า 74 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศอเมริกา, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก, กลุ่มประเทศ CIS และอียิปต์ เสริมศักยภาพการขยายตัวในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่โดดเด่นและวัฒนธรรมขององค์กรที่แข็งแกร่ง
ด้วยความสำเร็จที่โดดเด่น GAC Group ได้รับการจัดอันดับใน Fortune Global 500 ต่อเนื่องถึง 12 ปี โดยในปี 2024 อยู่ที่อันดับ 181 มีบุคลากรระดับแนวหน้ากว่า 100,000 คน ครอบคลุม 15 ประเทศทั่วโลก รวมถึงทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 6,000 คนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
GAC Group มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Centers) ในจีน สหรัฐอเมริกา และอีกหลากหลายประเทศ พร้อมครอบครองเทคโนโลยีด้านสิทธิบัตรหรือสิทธิการอนุญาตกว่า 18,600 รายการ และผลงานการพัฒนาอัจฉริยะกว่า 7,500 รายการ ครอบคลุมเทคโนโลยีและนวัตกรรมขององค์กร
ด้านศักยภาพทางผลิต GAC Group มียอดขายกว่า 2.5 ล้านคันในปี 2023 ติดอันดับ 4 ของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน โดยปัจจุบันมีแบรนด์รถยนต์ในเครือที่ยืนหยัดด้วย 3 แบรนด์ได้แก่ AION, HYPTEC และ GAC Motor นอกจากนี้ GAC Group ยังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ชั้นนำในผู้ผลิตชั้นนำ ได้แก่ HONDA และ TOYOTA ผ่านบริษัทระหว่าง GAC HONDA และ GAC TOYOTA
ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ GAC Group ใช้ Big Data ขับเคลื่อนโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ และระบบ AI ผ่านการทดสอบที่มีความแม่นยำสูงถึง 95% พร้อมยกระดับขอบเขตการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การผลิต พัฒนา เทคโนโลยี ไปจนถึงการให้บริการระดับโลก
GAC Group ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำด้านยานยนต์ แต่ยังเน้นย้ำถึงการดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรม ความโปร่งใส และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความพึงพอใจมากกว่า เพื่อส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก